Page 6 - เรื่อง วัสดุวัฒนธรรม ปูนโบราณ จิตรกรรมฝาผนัง และอาณาจักรทวารวดี
P. 6

2



               ชั้นสูงในการตรวจน้ าตาลในเลือด การดูความผิดปกติของปอดหรืออวัยวะด้วยการฉายรังสีเอ็กซ์ และการตรวจ
               ร่างกายด้วยเครื่อง Magnetic Resonance Imaging (MRI) เป็นต้น)

                                       ์
                     4.  ด าเนินการอนุรักษฟื้นฟูสภาพของวัตถุ  ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ส าคัญที่สุด  เริ่มตั้งแต่การท าความสะอาด
                                                                            ็
               การฟื้นฟูสภาพเนื้อวัสดุ  การซ่อมแซมส่วนที่ช ารุด  และการเสริมความแขงแรง  ขั้นตอนนี้ต้องด าเนินการโดย
                                                                  ์
               ผู้เชี่ยวชาญ มีการค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับวัสดุที่ใช้ในการอนุรักษ ต้องเลือกใช้วัสดุที่จะไม่ส่งผลเสียต่อเนื้อวัตถุใน
                                                                                                   ้
               ระยะยาว (คล้ายคลึงกับการรักษาของแพทย์ ซึ่งจะต้องตัดสินใจว่าจะใช้ยา ผ่าตัด หรือฉายรังสี ซึ่งขอมูลที่ได้
               จากขั้นที่ 1-3 จะช่วยให้แพทย์เลือกวิธีการที่เหมาะสมในการรักษา)

                                                      ื่

                     5.  การเก็บรักษาวัตถุหลังการอนุรักษ์เพอชะลอการเสื่อมสภาพ   ควรเก็บวัตถุไว้ในกล่องที่ทาจาก
               กระดาษไร้กรด  สถานที่เก็บห่างไกลจากแสงแดด  มีการไหลเวียนของอากาศดี  และมีความชื้นเหมาะสม  ต้อง
               หมั่นตรวจสภาพของวัตถุและสถานที่เก็บรักษาว่าปลอดจากแมลง  ปลวก  และสิ่งมีชีวิตที่จะมาท าลายวัตถุนั้น

               (คล้ายคลึงกับการปฏิบัติตัวของผู้ป่วยหลังการรักษา)
                     ในหัวข้อต่อไปจะกล่าวถึงรายละเอียดเกี่ยวกับปูนโบราณและสีจากงานจิตรกรรมฝาผนัง



               1.  ปูนโบราณ
                      ประเทศไทยมีการน าปูนมาใช้เป็นวัสดุเชื่อมประสาน ฉาบ และปั้น ตั้งแต่วัฒนธรรมทวารวดี (ประมาณ

               พุทธศตวรรษที่  11-16)  (สุขกมล  วงศ์สวรรค์  2545)  และได้พบหลักฐานเรื่อยมา  ทั้งในอาณาจักรศรีวิชัย
               อาณาจักรสุโขทัย  อาณาจักรอยุธยา  (ประมาณพุทธศตวรรษที่  19-24)  เป็นต้น  ปูนหมัก  (Lime  Putty,

               Ca(OH) )  เป็นวัสดุที่มีบทบาทส าคัญในสถาปัตยกรรมไทยโบราณ  ใช้ในการก่อสร้างโบราณสถานต่างๆ  โดยมี
                      2
               ชื่อเรียกแตกต่างกันขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ในการใช้งานและองค์ประกอบ ดังรายละเอียดต่อไปนี้
                     1.  ปูนก่อหรือปูนสอ (mortar) คือ วัสดุเชื่อมประสานที่ใช้ในงานก่ออิฐ ปูนก่อเกิดจากปูนขาวหมัก หรือ

               lime mortar เป็นส่วนผสมระหว่างปูนขาว น้ า และทราย ปูนชนิดนี้รับน้ าหนักไม่ได้มากนักเมื่อเปรียบเทียบ
               กับซีเมนต์ปอร์ตแลนในปัจจุบัน  และมีรูพรุนจากตัววัสดุเอง  ท าให้ไม่กันน้ าและความชื้น  ปูนก่อนิยมใช้ปูนขาว

               หมักผสมกับทรายหยาบ

                     2.   ปูนฉาบ (plaster) ใช้ส าหรับงานฉาบผิวอาคารเพื่อตกแต่งพื้นผิวให้เรียบ โดยทั่วไปส่วนผสมของปูน
               ขาวหมักส าหรับงานฉาบ (lime plaster) คือ ใช้ปูนขาวผสมเข้ากับน้ า ทราย และวัสดุอื่นๆ เช่น ขนสัตว์ เส้น

               ใยจากพืชและกาวประเภทต่างๆ ทั้งนี้ ปูนฉาบยังแบ่งออกได้เป็นปูนฉาบชั้นในและปูนฉาบขัดผิวชั้นนอกสุด ซึ่ง

               มีส่วนผสมที่แตกต่างกันไปในแต่ละกลุ่มช่าง  มีการใช้ทรายละเอียดผสมในปูนหมักส าหรับฉาบ  หรือไม่ผสม
               ทรายเลยในปูนฉาบขัดผิว (ปูนฉาบชั้นนอกสุด)

                     3.  ปูนปั้น  (stucco)  คือ  ปูนประเภทหนึ่งที่ใช้ส าหรับปั้นประติมากรรม  หรือใช้ปั้นลวดลายประดับ

               ตกแต่งสถาปัตยกรรมในประเทศไทยมักเรียกปูนปั้นแบบโบราณว่า  ปูนต า  ซึ่งเกิดจากขั้นตอนการน าปูนขาว
               ทราย เส้นใยและกาว มาต าเขาด้วยกันในครกเพอให้ส่วนผสมเข้ากันดี
                                        ้
                                                       ื่
   1   2   3   4   5   6   7   8   9   10   11