Page 5 - เรื่อง วัสดุวัฒนธรรม ปูนโบราณ จิตรกรรมฝาผนัง และอาณาจักรทวารวดี
P. 5

1



               วัสดุวัฒนธรรม : ปูนโบราณ จิตรกรรมฝาผนัง และอาณาจักรทวารวดี
                     โบราณสถานและโบราณวัตถุต่างๆ ในประเทศไทย ถูกสร้างจากปูนหมักที่น าไปผสมกับทราย กาว และ

               ตัวประสานอื่นๆ  โดยมีสัดส่วนขององค์ประกอบต่างๆ  แตกต่างกันไป  ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์การน าไปใช้  เช่น
               ปูนสอ  ปูนฉาบ  ปูนต า  และปูนปั้น  เมื่อกาลเวลาผ่านไป  โบราณสถานและโบราณวัตถุเหล่านี้เกิดการ

               เสื่อมสภาพ  โดยเฉพาะส่วนที่เป็นปูนโบราณ  ซึ่งในกระบวนการอนุรักษ์ซ่อมแซมนั้นเราต้องน าปูนหมักมาผสม

               กับองค์ประกอบต่างๆ  เลียนแบบเทคนิคโบราณ  ซึ่งก่อนที่จะกล่าวถึงรายละเอียดของเทคนิคโบราณในการท า
                                                                            ์
               ปูนหมักและการผสมปูนหมัก  จะขอกล่าวถึงหลักการทั่วไปในการอนุรักษงานศิลปกรรม  ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน  2
               ประเภท คือการอนุรักษ์เชิงป้องกัน และการอนุรักษ์เชิงสงวนรักษา
                                   ้
                                                           ื่
                     การอนุรักษ์เชิงปองกัน เป็นการด าเนินงานเพอป้องกันความเสียหายกับชิ้นงานจากสภาพแวดล้อม การ
               จัดการลดความเสี่ยงที่ส่งผลต่อศิลปวัตถุ  เช่น  ควรเก็บรักษาในห้องที่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศให้อุณหภูมิอยู่

               ระหว่าง 22 – 24°C และมีความชื้นสัมพัทธ์อยู่ในช่วง 50 - 65 % โดยทั้งอุณหภูมิและความชื้นต้องคงที่ตลอด
               24 ชั่วโมง หากไม่สามารถเกบชิ้นงานในห้องทติดตั้งเครื่องปรับอากาศได้ ควรท าให้ห้องจัดเก็บมีการหมุนเวียน
                                       ็
                                                     ี่
               ของอากาศ (สมถวิล นิลวิไล และ ศิริชัย หวังเจริญตระกูล, 2552) การปฏิบัติงานอนุรักษ์ด้านการป้องกัน ต้อง

               มีการบันทึกและติดตามข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับวัตถุ  เช่น  สภาพห้องจัดเก็บ  วิธีการจัดเก็บ  การจัดแสดง  แสง
               อุณหภูมิ  ความชื้น  สภาพแวดล้อมทั้งภายในห้องและโดยรอบอาคาร  เป็นต้น  เพื่อที่จะควบคุมสภาพแวดล้อม

               ให้เหมาะสม นอกจากนี้ต้องมีความเข้าใจวัสดุที่ใช้ในการปกป้องชิ้นงาน เช่น กระดาษ ไม้ และพลาสติก เป็น
               ต้น  เนื่องจากวัสดุเหล่านี้เป็นวัสดุที่ต้องสัมผัสกับวัตถุทั้งทางตรงและทางอ้อมในกระบวนการจัดเก็บ  การจัด

               แสดง และการเคลื่อนย้าย

                     การอนุรักษ์เชิงสงวนรักษา   เป็นการด าเนินงานอนุรักษ์หลังจากที่เลือกวิธีการรักษา   การใช้วัสดุ
                                                                            ้
               อุปกรณ์ และสารเคมี เป็นต้น โดยผ่านการพิจารณาจากผู้เชี่ยวชาญ ตามขอเสนอแนะ หลักการและเหตุผล ซึ่ง
               ถูกต้องตามหลักจริยธรรมและแนวทางปฏิบัติงานของนักอนุรักษ์  (Kushel,  1994)  จึงสามารถเริ่มด าเนินการ
               ปฏิบัติงานตามขั้นตอนได้    งานอนุรักษ์วัตถุโบราณเชิงสงวนรักษามีความคล้ายคลึงกับงานรักษาผู้ป่วยของ

               แพทย์  โดยมีรายละเอียดดังนี้

                     1.  ค้นคว้าประวัติความเป็นมาของชิ้นงาน เช่น ผู้สร้าง  เจ้าของ  หน้าที่ของชิ้นงาน และแหล่งที่มา เป็น
               ต้น (คล้ายคลึงกับการซักประวัติผู้ป่วยเบื้องต้น)

                     2.  ประเมินสภาพและเก็บข้อมูลเบื้องต้นของชิ้นงาน เช่น ขนาด ชนิดของวัสดุ ลักษณะสีสัน การจัดเก็บ

                                                                             ์
               รายละเอียดการเสื่อมสภาพ  และเลขทะเบียน  (ในกรณีที่มาจากพิพิธภัณฑ)  เป็นต้น  (คล้ายคลึงกับการตรวจ
               วินิจฉัยโรคเบื้องต้นด้วยเครื่องมือพื้นฐาน เช่น หูฟังของแพทย์ ปรอทวัดไข้ และเครื่องวัดความดัน เป็นต้น)

                     3.  ศึกษารายละเอียดของเนื้อวัสดุโดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์  เช่น  การวัดความเป็นกรด-เบสโดยใช้

               กระดาษ  pH  การศึกษาระดับการเสื่อมสภาพของวัตถุด้วยเทคนิคทางสเปคโตรสโคปีต่างๆ  ศึกษาลักษณะของ
               เนื้อของวัตถุด้วยเทคนิค Scanning Electron Microscopy และศึกษาชนิดของธาตุองค์ประกอบด้วยเทคนิค

               Energy  Dispersive  X-ray  หรือ  X-ray  Fluorescence  (คล้ายคลึงกับการตรวจวินิจฉัยโรคด้วยเครื่องมือ
   1   2   3   4   5   6   7   8   9   10